บทความ

สิ่งที่ต้องรู้ก่อนสอบ IELTS

20 มกราคม 2021



แชร์ :

IELTS

น้อง ๆ คนไหนที่มีความฝันอยากไปเรียนต่อหรือไปทำงานที่ต่างประเทศ ต้องอ่าน เพราะวันนี้พี่จะพาไปดูใบเบิกทางสำคัญที่จะทำให้ฝันเป็นจริง จะได้เตรียมตัววางแผนกันตั้งแต่เนิ่น ๆ นั่นก็คือ การสอบ IELTS

 

เคยได้ยินนะ แต่มันคืออะไร ???

การสอบ IELTS คือการสอบเพื่อวัดระดับความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษด้านต่าง ๆ มีชื่อเต็มว่า International English Language Testing System โดยผลสอบ IELTS นี้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เพราะมีการจัดระดับความสามารถด้านภาษาครอบคลุมการสื่อสารทั้ง 4 ด้าน คือ ฟัง พูด อ่าน และเขียน นอกจากนั้น ผลคะแนนของน้อง ๆ ยังถูกจัดระดับไว้ด้วยตัวเลขตั้งแต่ 1.0 – 9.0 (มีระบบการนับแบบ 0.5 คะแนน เช่น 2.5 , 3.5 , 4.5 เป็นต้น ) โดยคะแนนระดับ 1.0 คือ ไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารได้เลย และ 9.0 คือ ทักษาะการใช้ภาษาดีเลิศ เรียกได้ว่า เวลาชาวต่างชาติพูด เราสามารถเข้าใจและโต้ตอบได้อย่างถูกต้อง

สาเหตุที่จำเป็นต้องสอบ IELTS ก็เพื่อทุกฝ่ายจะได้แน่ใจว่า ถ้าเราไปอยู่ต่างประเทศ เราจะเอาตัวรอดได้อย่างไม่ยากลำบากนัก เพราะเราสามารถพูดคุยสื่อสารความต้องการได้ โดยสถาบันการศึกษา หรือบริษัทต่าง ๆ จะมีหลักเกณฑ์ในการกำหนดคะแนน IELTS ที่ต้องการแตกต่างกันไป ดังนั้น ส่วนนี้น้อง ๆ ก็อย่าลืมทำการบ้านกันมาด้วยนะคะ ว่าต้องทำคะแนนได้ไม่ต่ำกว่าระดับไหน แต่หากต้องการศึกษาต่อ ต้องมีคะแนนตั้งแต่ระดับ 7 ขึ้นไปค่ะ

สอบอะไรบ้าง

อย่างที่บอกข้างต้นว่ามันเป็นการสอบที่ครอบคลุมทักษะการสื่อสารทั้งสี่ด้าน ดังนั้น ข้อสอบก็จะถูกแบ่งเป็น 4 ส่วน และมีแนวของข้อสอบแต่ละส่วนดังนี้

  1. Listening Part

มีทั้งหมด 40 ข้อ ให้เวลา 40 นาที โดยแบ่งเป็นเวลาสำหรับฟังและทำข้อสอบ 30 นาที(ส่วนนี้แนะนำให้ทำลงในกระดาษคำถามก่อนเพื่อความรวดเร็ว) อีก 10 นาทีที่เหลือ สำหรับทวนคำตอบและย้ายคำตอบที่ถูกต้องลงในกระดาษคำตอบก่อนส่ง จุดสำคัญคือ เราจะได้ฟังบทสนทนาหรือบทพูดเพียง 1 ครั้งถ้วน ไม่มีการพูดซ้ำ น้อง ๆ จึงต้องตั้งใจฟังและจับคีย์เวิร์ดให้ได้มากที่สุด

ตัวอย่างโจทย์ อาจให้ฟังการสนทนาระหว่างลูกค้าและเซลล์แมน โดยมีการถามตอบเกี่ยวกับข้อมูลสินค้า แล้วให้เราตอบคำถาม เช่น สินค้ามาจากไหน ขนาดเท่าไหร่ ลูกค้าให้ส่งไปที่ไหน เป็นต้น

  1. Reading Part

ข้อสอบมี 40 ข้อ ให้เวลา 60 นาที โดยจะมีบทความให้อ่าน 3 บทความ แต่ละบทความประมาณ 2 หน้า A4 แล้วตอบคถามในหลากหลายรูปแบบ เช่น True/ False/ Not Given ,ถามความคิดเห็น ,ให้เลือก Heading ของแต่ละย่อหน้าที่กำหนด หรือ หาความเกี่ยวข้องหรือความขัดแย้งในบทความ หลายคนอาจจะโอดโอยใน Part นี้ เพราะดูเวลาแล้วก็อาจประมาณการณ์ได้ว่า คงจะหมดไปกับการอ่านก่อนได้ทำข้อสอบ

บทความที่นำมาเป็นโจทย์จะค่อนข้างหลากหลาย เพราะนำมาจากสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ เช่น บทความจากใบปลิว หนังสือพิมพ์ แมกกาซีน วารสารต่าง ๆ มีทั้งเรื่องทั่วไปหรืออาจเป็นแนววิทยาศาสตร์ โจทย์อาจให้ตอบแบบ Multiple choice หรือ ตอบว่าจริง/ไม่จริง/ไม่มีข้อมูล ตัวอย่างโจทย์ เช่น พลังงานลมถือเป็นพลังงานที่ยั่งยืนหรือไม่ เพราะเหตุใด

เทคนิคการทำข้อสอบการอ่านคือ ให้อ่านคำถามก่อนคร่าวๆ จากนั้นค่อยตามไปอ่านในบทความแบบ Scan หาคำตอบ ค่อย ๆ ทำไป โดยอย่าลืมดูเวลาเรื่อย ๆ ด้วยค่ะ ทั้งนี้ ข้อสอบบางข้อมีการกำหนดเงื่อนไขพิเศษ เช่น Write no more than one word ตรงจุดนี้น้อง ๆ ต้องระวังด้วยนะคะ

  1. Writing Part

ให้เวลา 60 นาที สำหรับการตอบโจทย์ด้วยการเขียนบทความโดย

  • บทความแรก จะให้บรรยายโดยโจทย์จะกำหนดข้อมูลรูปภาพมา เช่น แผนภูมิ กราฟ แผนที่ หรืออื่น ๆ โดยต้องเขียนไม่น้อยกว่า 150 คำ เช่น อาจกำหนดแผนภูมิหรือตารางการใช้พลังงานน้ำมัน เทียบกับพลังงานทดแทนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แล้วให้เราบรรยายสรุปเนื้อหาและเปรียบเทียบ
  • ส่วนบทความที่สอง จะเป็นส่วนที่มีคะแนนมากกว่า กำหนดให้เขียนไม่ต่ำกว่า 250 คำ ส่วนนี้จะเป็นการแสดงความคิดเห็น หรือการแก้ปัญหา เช่น โจทย์อาจให้บทความเรื่องปริมาณรถยนต์ในประเทศอังกฤษที่เพิ่มมากขึ้น และถามความเห็นเราว่าคิดอย่างไรเกี่ยวกับร่างกฎหมาย เกี่ยวกับการควบคุมปริมาณรถบนท้องถนน เพื่อลดมลภาวะ เป็นต้น ซึ่งข้อนี้เราต้องตอบตามความเข้าใจและประสบการณ์ของเราค่ะ

จะเห็นได้ว่า การทำข้อสอบ Writing Part ต้องบริหารจัดการเวลาให้ดี โดยอาจต้องวางแผนเทเวลามาที่ข้อสองซึ่งมีคะแนนมากกว่า และที่สำคัญ ในหัวเราต้องมีคลังคำศัพท์ให้เลือกใช้มากพอสมควร

  1. Speaking Part

การสอบพูดจะใช้เวลาน้อยที่สุด เพราะจะใช้เวลาเพียงแค่ 10-15 นาทีเท่านั้น โดยจะเป็นการโต้ตอบสนทนากับคนจริงๆ ไม่ได้ตอบผ่านคอมพิวเตอร์เหมือนการสอบแบบอื่น บทสนทนาจะแยกเป็น 3 หัวข้อย่อยคือ

  • การแนะนำตัวเองเบื้องต้น
  • การกำหนดหัวข้อให้เราพูด โดยจะมีกระดาษเปล่าให้เราร่างเรื่องที่ต้องพูด 1 นาที และพูดอีกประมาณ 2-3 นาที
  • ส่วนสุดท้าย อาจารย์ที่เป็นคนสอบเรา จะถามเราในเรื่องเดียวกันกับที่เราได้โจทย์แบบกำหนดหัวข้อ โดยเป็นการถาม-ตอบ ซึ่งจะถามจนกว่าจะหมดเวลาค่ะ

ข้อควรระวังสำหรับการสอบ

  1. การสอบ IELTS มี 2 แบบคือ แบบ Academic (สำหรับใช้ศึกษาต่อ) และแบบ General Training (สำหรับยื่นทำงานในต่างประเทศ) โดยข้อสอบในส่วน Reading และ Writing จะแตกต่างกัน ดังนั้น ต้องหาข้อมูลให้มั่นใจก่อนนะคะ ว่าที่ที่เราจะไป ต้องการคะแนนสอบแบบไหน
  2. ส่วนที่มีการตอบคำถามลงบนกระดาษ เมื่อผู้คุมสอบแจ้งว่าหมดเวลา เราต้องวางปากกา “ทันที” มิเช่นนั้นจะโดนกาข้อสอบ งดให้คะแนนในข้อนั้น
  3. ไม่อนุญาตให้เอาอุปกรณ์เครื่องเขียนของตัวเองเข้าห้องสอบ ผู้ดูแลสถานที่สอบเป็นผู้จัดเตรียมให้ทั้งหมด สิ่งที่เราต้องเอาไปมีเพียงบัตรประชาชนตัวจริง หรือ Passportและ สำเนาใบเสร็จค่ะ
     

ผลสอบ IELTS ได้ที่ไหน และผลสอบ ใช้ทำอะไรได้บ้าง

สำหรับประเทศไทย มีศูนย์สอบ IELTS ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอยู่ 2 สถาบัน คือ British Council (ตัวแทนการจัดสอบจากสหราชอาณาจักร) และ IDP (ตัวแทนการจัดสอบจากประเทศออสเตรเลีย) โดยหากน้องๆอยากทราบตารางสอบหรือสนามสอบที่ใกล้เคียง สามารถดูได้ที่

British Council: https://www.britishcouncil.or.th/exam/ielts

IDP: https://www.ielts.idp.co.th/

เมื่อเราสอบเสร็จ ประมาณ 2 สัปดาห์ ผลสอบก็จะถูกส่งตรงมาที่บ้านเรา และเมื่อเราได้คะแนนตามต้องการ ผลสอบจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ดังนี้

  1. สามารถนำผลสอบเป็นเอกสารการประกอบเพื่อศึกษาต่อที่ต่างประเทศได้
  2. หากคุณต้องไปทำงานหรือฝึกงานที่ต่างประเทศ บริษัทอาจกำหนดว่าต้องการคะแนนสอบ IELTS
  3. แม้คุณทำงานภายในประเทศ ผลสอบก็อาจทำให้คุณได้ค่าจ้างเพิ่มเติมเป็นพิเศษในบางตำแหน่ง หรือบางบริษัทอาจพิจารณาคุณเป็นพิเศษเมื่อสมัครงาน เพราะความเชี่ยวชาญด้านภาษา เป็นสิ่งที่เกือบทุกบริษัทต้องการ
  4. ข้อควรระวัง ผลสอบมีอายุ 2 ปี หลังจาก 2 ปีนี้ไป ไม่แนะนำให้ใช้ผลสอบเดิมสำหรับยื่นดำเนินการต่างๆเพราะดูไม่น่าเชื่อถือค่ะ

สำหรับค่าสมัครสอบ IELTS นั้นจะอยู่ที่ประมาณ 7,000 บาท/ครั้ง จะเห็นได้ว่าค่าสมัครค่อนข้างสูง ดังนั้นหาก สอบไม่ผ่าน หรือไม่ได้คะแนนตามระดับที่ต้องการ ต้องสมัครสอบใหม่จนกว่าจะผ่านนะคะ พี่เลยอยากแนะนำให้น้องๆ วางแผนเพื่อเตรียมตัวล่วงหน้า จะได้ไม่เสียทั้งเวลาและเสียทั้งเงินค่ะ

 


Recent Post

Copyright © 2017 All Rights Reserved.