แนะนำการเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย (TCAS67) วิชา สัดส่วนคะแนนที่ใช้สอบ และโอกาสทางอาชีพ สายงาน ในอนาคต
ก่อนที่จะสอบ TCAS 67 กัน น้อง ๆ ทุกคนลองสำรวจตัวเองกันหรือยังคะว่าวางแผนอนาคตในการศึกษาต่อ หรือการทำงานกันยังไงบ้าง พี่คิดว่าน้องๆ ถ้ามีเวลาอาจจะศึกษาก่อนก็ได้ค่ะว่าอาชีพอะไรที่จะสามารถทำได้ในอนาคตและเป็นงานที่ตัวเองมีโอกาสในการพัฒนาความสามารถและมีโอกาสเติบโต ก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้ เนื่องจากในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ปัจจุบันมีการแข่งขันสูงมาก โดยเฉพาะคณะยอดฮิต ที่ทุกคนจะเลือกอันดับไว้ในการยื่นเหมือนๆกัน การเตรียมตัวก่อนสอบให้ดีและวางแผนการอ่าหนังสือ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่จะช่วยให้เรามีโอกาสสอบติด และมีโอกาสได้ทำงานในสายงานที่เราคาดหวังไว้ ทีนี้ พี่เชื่อว่ามีน้อง ๆ หลายคนที่อาจจะยังนึกไม่ออกว่าเราจะเรียนต่อคณะ สาขาอะไรดี วันนี้พี่จะมาแนะนำสาขาอาชีพที่มีโอกาสก้าวหน้าในสายงานให้น้องฟังค่ะ
อาชีพกลุ่มที่1 คือ อาชีพที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคน ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ที่เรารู้กันอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีอาชีพอย่างนักสร้างอวัยวะ หรือนักโภชนาการต่าง ๆ ที่ต้องดูแลผู้สูงอายุ ที่ปัจจุบันมีความต้องการในตลาดเป็นอย่างมาก เพราะประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จึงจำเป็นต้องมีคนดูแลคนกลุ่มนี้ทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างเอาใจใส่ อาชีพกลุ่มที่2 คือ อาชีพที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี เช่น นักสร้างโลกเสมือนจริงหรือ AR ที่ทุกคนรู้จักกัน และนักปฏิรูปดิจิทัลที่จะเข้ามาช่วยพัฒนา ออกแบบ หรือปรับปรุงโครงสร้างให้กลายเป็นดิจิทัล อาชีพกลุ่มที่3 คือ อาชีพทางวิศวกรรมที่จะพัฒนาระบบเทคโนโลยีให้ก้าวหน้ามากขึ้น เช่น วิศวกรออกแบบโครงสร้าง 3D หรือวิศวกรจัดการขยะต่าง ๆ ซึ่งสายวิศวกรรมส่วนมากทำงานเหล่านี้อยู่แล้ว แต่อันนี้เป็นเพียงสาขาใหม่ที่น่าสนใจมากขึ้น อาชีพกลุ่มที่ 4 คือ กลุ่มที่ทำงานแนวความคิดสร้างสรรค์ เช่น นักออกแบบต่าง ๆ หรือสถาปนิก ซึ่งงานเหล่านี้ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์หรือไอเดียใหม่ๆ ที่สามารถเข้าใจความรู้สึกของมนุษย์ได้ ปัจจุบันมีสาขาหลากหลายมากที่สามารถนำมาต่อยอดเป็นอาชีพได้ อาชีพกลุ่มที่ 5 คือ กลุ่มที่ใช้ภาษาต่าง ๆ ในการทำงาน เช่น งานแปล งานล่าม งานเขียน และงานสอนซึ่งงานเหล่านี้ยังเป็นงานที่สามารถใช้ได้กับทุกกลุ่มอาชีพเพราะการสื่อสารเป็นส่วนสำคัญของการทำงานโดยเฉพาะองค์กรใหญ่ๆ ที่มีคนจากหลากหลายประเทศมาอยู่รวมกัน อาชีพกลุ่มที่ 6 คือ กลุ่มงานธุรกิจ แบบ SME ที่จะเกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะมีคนจำนวนมากที่อยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจ และนำความสามารถที่มีมาพัฒนาต่อยอดสร้างแบรนด์สินค้าของตนเอง
น้องๆ คงพอจะเห็นภาพกว้าง ๆ ของอาชีพต่างๆ กันแล้วนะคะ แต่ถ้าน้องๆยังไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเข้าสาขา คณะอะไร พี่ก็วิธีค้นหาตัวเองมาแนะนำน้องๆ ค่ะ มาดูกันเลย
1. สำรวจตัวเองอย่างว่าวิชาใดที่เราเรียนแล้วชอบ รู้สึกว่าเราทำได้ เราถนัด
2. นำวิชาที่ชอบ อยากทำงานในสายงานที่มีวิชาเหล่านี้ มาจัดอันดับเลือกคณะ มหาลัย เช่น ถ้าน้องชอบเรียนฟิสิกส์กับคณิตศาสตร์ อาจจะเลือกคณะวิศวกรรมศาสตร์ หรือ สถาปัตยกรรมศาสตร์ (ถ้าชอบวาดรูปด้วย) เพราะสาขานี้ต้องวาดรูปได้และคิดคำนวณด้วย
3. ถ้าน้องคนไหนไม่สามารถบอกวิชาที่ชอบได้ พี่จะแนะนำให้ไปศึกษาอาชีพแทนว่าอาชีพแนวไหนที่น้อง ๆอยากจะทำในอนาคตซึ่งเป็นอีกวิธีที่ช่วยให้เราย้อนไปหาวิชาหรือสาขาที่จะเรียนได้ การเรียนรู้อาชีพใหม่ ๆ หรืออาชีพที่น่าสนใจจะสร้างแรงบันดาลใจให้น้อง ๆ ในการเรียนต่อหรือศึกษาเพิ่มเติมได้เป็นอย่างดี
4. เมื่อน้องๆ ได้วิชาที่ชอบหรืออาชีพที่ใช่แล้ว สิ่งสำคัญต่อมา คือ การเลือกคณะและมหาวิทยาลัยที่มีความเชี่ยวชาญและสอนด้านนี้เฉพาะ โดยที่พี่อยากให้น้องๆ สนใจหลักสูตรของแต่ละคณะเป็นสิ่งแรกสุดเพราะถ้าคณะที่น้องเลือกมีหลักสูตรที่ตอบความต้องการของน้องได้ มันจะเป็นสิ่ที่เหมาะกับการเรียนของน้อง
หลังจากน้อง ๆ คัดเลือกคณะในดวงใจกันได้บ้างแล้ว พี่จะพาน้องมาดูคะแนนสูง - ต่ำ ของแต่ละวิชาที่น้อง ๆ จะต้องใช้สอบกันว่าแนวโน้มชองคะแนนเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งคะแนนเหล่านี้จะช่วยให้เราวางแผนการอ่านหนังสือได้เป็นอย่างดีซึ่งพี่จะเล่าในตอนถัดไป ตอนนี้มาดูคะแนนสูง-ต่ำของวิชา TGAT, TPATและ A-Level ของปี 2566กันค่ะ น้อง ๆจะได้คิดและวางแผนการทำคะแนนของตัวเองค่ะ
วิชา |
คะแนนต่ำสุด |
คะแนนสูงสุด |
TGAT |
0 |
100 |
TPAT2 |
8.66 |
72 |
TPAT3 |
7.33 |
97.33 |
TPAT4 |
12 |
96 |
TPAT5 |
6 |
96 |
A-Level 61 วิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 |
0 |
100 |
A-Level 62 วิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ 2 |
0 |
100 |
A-Level 63 วิทยาศาสตร์ประยุกต์ |
21 |
96.8 |
A-Level 64 วิชาฟิสิกข์ |
0 |
100 |
A-Level 65 วิชาเคมี |
0 |
100 |
A-Level 66 วิชาชีววิทยา |
2.4 |
100 |
A-Level 70 สังคมศึกษา |
6 |
84 |
A-Level 81 ภาษาไทย |
0 |
88 |
A-Level 82 ภาษาอังกฤษ |
0 |
100 |
A-Level 83 ภาษาฝรั่งเศส |
2 |
100 |
A-Level 84 ภาษาเยอรมัน |
12 |
100 |
A-Level 85 ภาษาญี่ปุ่น |
6 |
100 |
A-Level 86 ภาษาเกาหลี |
10 |
98 |
A-Level 87 ภาษาจีน |
6 |
98 |
A-Level 88 ภาษาบาลี |
14 |
78 |
A-Level 89 ภาษาสเปน |
10 |
94 |
นอกจากน้องจะได้รู้คะแนนสูง-ต่ำของแต่ละวิชามาแล้ว พี่จะพามาดูรายละเอียดของแต่ละวิชากันค่ะ ว่าวิชาที่สอบแต่ละวิชามีอะไรบ้าง พี่ขอเริ่มจากข้อสอบความถนัดอย่าง TGAT91-93 ที่เป็นข้อสอบที่น้อง ๆ ใช้สอบกันส่วนใหญ่ จากนั้นจะเป็นความถนัดเฉพาะทางของแต่ละคณะที่จำเป็นต้องสอบของแต่ละคน
TGAT91 การสื่อสารภาษาอังกฤษ 60 ข้อ เน้นทักษะการพูดและทักษะการอ่าน ซึ่งจะแบ่งระดับความยากง่ายของข้อสอบซึ่งระดับความยากของข้อสอบฉบับนี้จะเป็นความยากระดับกลางที่ให้น้อง ๆ ส่วนใหญ่สามารถทำคะแนนได้ดี
TGAT92 การคิดอย่างมีเหตุผล 80ข้อ ประกอบไปด้วย ความสามารถทางภาษา ความสามารถทางตัวเลข ความสามารถทางมิติสัมพันธ์ และความสามารถทางเหตุผล
TGAT93 สมรรถนะการทำงาน 60 ข้อ ซึ่งข้อสอบด้านสมรรถนะการทำงานเป็นข้อสอบเพื่อวัดทัศนคติ 4 ระดับ ทุกคำตอบจะมีคะแนนอยู่ในช่วงระหว่าง 0-1 คะแนน การตอบคำถาม มี 2 แบบ คือ เลือกตอบตัวเลือกเดียว หรือ เลือกตอบหลายตัวเลือก
TPAT20 ความถนัดศิลปกรรมศาสตร์ น้อง ๆ สามารถเลือกสอบได้ซึ่งแบ่งเป็น 3 หัวข้อซึ่งเลือกสอบได้ตามคณะที่น้องต้องไปยื่นคะแนน ข้อสอบแบ่งออกเป็นข้อสอบ 3 ส่วน TPAT21 ทัศนศิลป์ จำนวน 50 ข้อ TPAT22 ดนตรี จำนวน 50 ข้อ และTPAT23 นาฏศิลป์ จำนวน 50 ข้อ น้องที่จะสอบข้อสอบชุดนี้ คือ น้องที่ต้องการเข้าคณะที่เป็นศิลปะ ดนตรี และศิลปกรรม ซึ่งคณะเหล่านี้จะมีสอบภาคปฏิบัติด้วยเช่นกันค่ะ
TPAT3 ความถนัดด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรมศาตร์ ประกอบไปด้วย การทดสอบความถนัดและความคิดและความสนใจซึ่งส่วนแรกมีจำนวน 45 ข้อ และส่วนที่สองมีจำนวน 25 ข้อ น้องที่จะสอบข้อสอบชุดนี้ คือ น้องที่ต้องการเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์กันไปเลยค่ะ
TPAT4 ความถนัดทางสถาปัตยกรรม แบ่งเนื้อหาเป็น 4 หมวด คือ 1. ความรู้ทั่วไปด้านศิลปะและการออกแบบที่เกี่ยวข้องกับงานสถาปัตยกรรม ภูมิสถาปัตยกรรมและสถาปัตยกรรมภายใน มีข้อสอบจำนวน 12 ข้อ 2. การวัดความรู้ทั่วไปด้านทฤษฎีสีและทฤษฎีด้านความงามทางศิลปะและงานสถาปัตยกรรม มีข้อสอบจำนวน 8 ข้อ 3. ความรู้พื้นฐานระบบโครงสร้าง องค์ประกอบของโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมและงานระบบพื้นฐานในงานสถาปัตยกรรม มีข้อสอบจำนวน 12 ข้อ 4. การวัดการรับรู้ด้านมิติสัมพันธ์และรูปทรง มีข้อสอบจำนวน 8 ข้อ จำนวนข้อสอบทั้งหมด 40 ข้อ ข้อสอบฉบับนี้สำหรับน้องที่ต้องการสอบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ทุกสาขาเลยค่ะ
TPAT5 ความถนัดครุศาสตร์-ศึกษาศาสตร์ จะแบ่งเนื้อหาเป็นความสามารถพื้นฐานทางวิชาชีพครูและคุณลักษณะความเป็นครู จำนวนข้อสอบทั้งหมด 100 ข้อ น้อง ๆ ที่อยากเป็นคุณครูต้องไม่ลืมสอบข้อสอบฉบับนี้กันนะคะ
วิชาต่อมาที่ต้องสอบเพิ่มเติมซึ่งเมื่อก่อนเรียกว่า 9 วิชาสามัญ แต่ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็นข้อสอบ A-Level ที่มีวิชาหลากหลาย ซึ่งน้องๆ สามารถเลือกสอบได้ตามคณะที่น้องจะสอบเข้าได้เลยค่ะ เพราะแต่ละคณะใช้คะแนนแตกต่างกันไป แต่พี่อยากแนะนำว่าต้องไม่ข้ามสายกันมากเกินไปเพราะน้องอาจเตรียมตัวอ่านหนังสือไม่ทัน
A-Level 61 วิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 A-Level 62 วิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ 2
A-Level 63 วิทยาศาสตร์ประยุกต์ A-Level 64 วิชาฟิสิกส์ A-Level 65 วิชาเคมี
A-Level 66 วิชาชีววิทยา A-Level 70 สังคมศึกษา A-Level 81 ภาษาไทย
A-Level 82 ภาษาอังกฤษ A-Level 83 ภาษาฝรั่งเศส A-Level 84 ภาษาเยอรมัน A-Level 85 ภาษาญี่ปุ่น A-Level 86 ภาษาเกาหลี A-Level 87 ภาษาจีน
A-Level 88 ภาษาบาลี A-Level 89 ภาษาสเปน
เมื่อน้องได้ดูคะแนนแต่ละวิชากันแล้ว พี่จะมาแนะนำวิชาหลักที่น้อง ๆ จะสอบของแต่คณะกันค่ะ เริ่มจากแผนวิทย์นคะ เพราะเป็นแผนการเรียนที่สอบหลายวิชาค่ะ ซึ่งวิชาหลัก ๆ ที่ต้องสอบคือ TGAT และ A-Level ที่เป็นวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ภาษาไทย สังคม และภาษาอังกฤษ แต่ค่าของคะแนนแต่ละวิชาไม่เท่ากันซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับคณะ สาขา และมหาวิทยาลัยที่น้อง ๆ เลือกกันนะคะ แต่ส่วนใหญ่ค่าน้ำหนักจะไปอยู่ที่วิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ประมาณเกือบ 50-70 % ส่วน TGAT จะใช้ค่าน้ำหนักประมาณ 30 % นอกนั้นจะเป็นค่าเฉลี่ยของวิชาอื่น ๆ ในกรณีที่น้องสอบวิชาความถนัดเฉพาะอย่าง สถาปัตยกรรม หรือ วิศวกรรม เพราะฉะนั้น น้องๆ สายวิทย์ทุกคนต้องคำนวณวิชาที่จะต้องสอบให้ครบถ้วนก่อนสมัครสอบนะคะ น้องๆ สามารถเช็ควิชาที่จะสอบได้จากคณะที่น้องๆ จะเลือกได้เลย
ส่วนน้องที่เรียนแผนศิลป์คำนวณที่ต้องการสอบคณะบัญชี บริหาร หรือ เศรษฐศาสตร์ น้องจะสอบวิชา TGAT และ A-Level วิชาคณิตศาสตร์ ภาษาไทย สังคม และภาษาอังกฤษ ซึ่งค่าคะแนนของแต่ละวิชาจะประมาณ 25-30% น้องที่จะสอบคณะเหล่านี้จะต้องเน้นวิชาคณิตศาสตร์เป็นอย่างมากเพราะคณะเหล่านี้จะให้ค่าน้ำหนักของคะแนนมากกว่าวิชาอื่น ๆ
ส่วนน้องที่เรียนแผนศิลป์ภาษาที่ต้องการสอบคณะอักษรศาสตร์ ศิลปศาสตร์ มนุษย์ศาสตร์ สังคมศาสตร์ ศิลปกรรมศาสตร์ และครุศาสตร์ น้องๆจะสอบวิชา TGAT และ A-Level วิชา ภาษาไทย สังคม ภาษาอังกฤษและภาษาที่สามที่น้อง ๆ เรียนกันมาค่ะ ส่วนใครที่สอบคณะศิลปกรรมศาสตร์และครุศาสตร์ อาจจะสอบวิชาความถนัดเฉพาะ (TPAT) ส่วนค่าน้ำหนักของแต่ละวิชาก็จะแตกต่างกันออกไปแต่จะเน้นที่TGATและ TPAT ค่ะ
สิ่งสุดท้ายที่สำคัญกับน้อง ๆ ทุกคนคือ การเตรียมตัววางแผนการอ่านหนังสือค่ะ พี่มีเทคนิคดี ๆ ให้น้องเอาไปลองปรับใช้กันนะคะ อย่างแรก คือ น้องๆ ควรจจัดตารางการอ่านหนังสือให้เหมาะสมกับตนเอง เช่น ถ้าน้องสอบทั้งหมด 5 วิชา ให้น้องจัดวิชาที่ต้องอ่านให้ครบวิชาตลอดสัปดาห์ ซึ่งอย่างน้อย 1 วิชา ต้องมี 1 วัน โดยวิชาที่น้องถนัดน้อยหรือไม่ค่อยถนัด อาจจะเริ่มต้นจากอ่าน 2 วันก่อน
ขั้นต่อมาหลังจากจัดตารางอ่านหนังสือแล้ว น้อง ๆ จะมาจัดเวลาที่เหมาะสมกับตัวเอง เช่น บางคนอาจถนัดตอนเย็น ตอนค่ำ หรือตอนดึก แต่ไม่ว่าจะตอนไหนก็ตามน้องๆ ก็ควรจะมีเวลาพักเบรกด้วยนะคะ และไม่ควรนอนดึก เพราะจำทำให้อ่านหนังสือแล้วจำไม่ได้ เพราะช่วงเวลา 00.00-2.00 เป็นช่วงที่ร่างกายจะมีการฟื้นฟู ซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ สมองจะได้รับการฟื้นฟู ถ้าน้องๆนอนหลังช่วงเวลานี้ อาจจะทำให้ความจำระยะสั้นขาดช่วง หรือ มีสมาธิในการอ่าน การจดจ่อลดลง ประสิทธิภาพในการอ่านแย่ลง ส่งผลต่อการฝึกฝนทำโจทย์ และการสอบของน้องๆ ได้นะคะ
ขั้นตอนสุดท้ายค่ะ น้องๆ ต้องกำหนดระยะเวลาการอ่านหนังสือแต่ละวิชาของตัวเองด้วยค่ะ ว่าเป้าหมายของวิชานี้จะใช้เวลาเท่าไร และควรจะปฏิบัติให้ได้ตามตารางเวลาที่ตัวเองกำหนดไว้นะค โดยน้องๆ ไม่จำเป็นต้องทำตารางเหมือนใคร เอาแบบที่เราคิดว่าเหมาะสมกับเราค่ะ
สุดท้ายนี้ พี่ก็ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคน ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยนะคะ ขอให้น้องๆ สอบติดและได้เรียนในคณะที่ใฝ่ฝัน และได้ทำงานในสายอาชีพที่น้องๆ ต้องการค่ะ และมาเจอกันใหม่ในบทความถัดไปนะคะ : )
สำหรับน้องๆ ที่รู้สึกว่าบางวิชายังไม่ได้ ไม่ถนัดวิชานั้นวิชานี้ หรือ มีปัญหาพื้นฐานม.ปลายไม่แน่น อยากหาครูสอนพิเศษ หรือหาติวเตอร์ส่วนตัวมาสอน ช่วยปรับพื้นฐานน้องๆ ให้แน่นขึ้น เสริมจุดแข็ง เน้นจุดสำคัญ เนื้อหาบทที่จะออกสอบ สามารถติดต่อมาได้ที่ศูนย์ติวเตอร์ Tutor By Barbell นะคะ พี่ๆแอดมินทุกคนที่ยินดีในการจัดหา ติวเตอร์ตัวต่อตัว ที่เก่ง สอนดี เข้าใจง่าย มีประสบการณ์ติวสอบให้กับน้องๆ ไม่ว่าจะ เรียนพิเศษออนไลน์ เรียนพิเศษตัวต่อตัว เรียนพิเศษนอกสถานที่ เรียนพิเศษที่บ้าน สอนพิเศษตัวต่อตัว สอนพิเศษออนไลน์ ทางเรารับจัดหาโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ และยินดีให้คำปรึกษา-วางแผนการเรียนการสอบฟรีค่ะ ทางศูนย์มีพี่ๆ ติวเตอร์จุฬา ติวเตอร์จากมหิดล ฯลฯ โดยจะส่งประวัติให้น้องๆ ดูก่อนตัดสินใจเรียนนะคะ