บทความ

HSK คือ อะไร ? มีความสำคัญอย่างไร

13 มีนาคม 2023



แชร์ :

HSK คือ อะไร ? มีความสำคัญอย่างไร

            HSK ย่อมาจาก The Hanyu Shuiping Kaoshi คือ การวัดระดับความสามารถทางภาษาจีนสำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาจีนเป็นภาษาแรก จัดสอบโดยสำนักงานส่งเสริมการสอนภาษาจีนนานาชาติ (The office of Chinese Language Council International : HANBAN)

 

HSK มีกี่ระดับ

    ระดับ HSK แบ่งออกเป็น HSK1 HSK2, HSK3 HSK4 HSK5 HSK6  และHSK7-9  (HSK1 ระดับต่ำสุด ยิ่งตัวเลขมากขึ้นคือระดับสูงขึ้น)

 

ระดับ

ความสามารถในการใช้ภาษาจีน

HSK1

สามารถเข้าใจและใช้คำประโยคภาษาจีนง่ายๆ ได้บางคำ ตอบสนองความต้องการด้านสารสื่อสารภาษาที่เฉพาะเจาะจง (รู้และเข้าใจคำศัพท์ประมาณ 150 คำ)

HSK2

สื่อสารภาษาจีนในหัวข้อที่คุ้นเคยในชีวิตประจำวัน ด้วยวิธีง่ายๆ ตรงไปตรงมา เข้าใจภาษาจีนระดับประถมศึกษายอดเยี่ยม (รู้และเข้าใจคำศัพท์ประมาณ 300 คำ)

HSK3

สามารถใช้และสื่อสารภาษาจีนขั้นพื้นฐานในชีวิต ในการทำงาน การเรียนได้ และสามารถใช้สื่อสารในการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศจีนได้ (รู้และเข้าใจคำศัพท์ประมาณ 600 คำ)

HSK4

สามารถใช้ภาษาจีนพูดคุยหัวข้อต่างๆได้ในหัวข้อที่หลากหลาย และสามารถพูดสื่อสารกับคนจีนได้คล่องแคล่ว  (รู้และเข้าใจคำศัพท์ประมาณ 1,200 คำ)

HSK5

สามารถอ่านหนังสือพิมพ์ นิตยสารจีน ดูรายการทีวีและภาพยนตร์ได้ และกล่าวสุนทรพจน์จีนได้ค่อนข้างสมบูรณ์ (รู้และเข้าใจคำศัพท์ประมาณ 2,500 คำ)

HSK6

เข้าใจภาษาจีนอย่างง่ายดาย สามารถใช้ภาษาพูดและภาษาเขียนในการแสดงความคิดเห็นได้อย่างคล่องแคล่ว (รู้และเข้าใจคำศัพท์ประมาณ 5,000 คำ)

HSK7-9

สามารถเข้าใจภาษาจีนในเนื้อหาหรือหัวข้อ ประเภทต่างๆที่ซับซ้อน และสามารถสื่อสารเชิงลึกและอภิปรายได้

 

ลักษณะข้อสอบ HSK

 

ระดับ

ลักษณะข้อสอบ

HSK1

1. จำนวนข้อสอบ 40 ข้อ แบ่งเป็น

   - การอ่าน   :  20 ข้อ

   - การฟัง    :  20 ข้อ 

2. เวลาที่ใช้สอบ : 40 นาที

3. คะแนนเต็ม : 200 คะแนน  (แต่ละหัวข้อ คะแนนเต็ม 100 คะแนน)

   *ได้คะแนน120+  ถือว่าสอบผ่าน

HSK2

1. จำนวนข้อสอบทั้งหมด 60 ข้อ 
   - การอ่าน :  35 ข้อ   

   - การฟัง   :  25 ข้อ  

2. เวลาที่ใช้สอบ : 55 นาที

3. คะแนนเต็ม : 200 คะแนน  (แต่ละหัวข้อ คะแนนเต็ม 100 คะแนน)

   *ได้คะแนน120+  ถือว่าสอบผ่าน

HSK3

1. จำนวนข้อสอบทั้งหมด 80 ข้อ 
    - การอ่าน   :  40 ข้อ  

    - การฟัง    :  30 ข้อ  

    - การเขียน :  10 ข้อ  

2. เวลาที่ใช้สอบ : 1 ชม. 30 นาที

3. คะแนนเต็ม : 300 คะแนน (แต่ละหัวข้อ คะแนนเต็ม 100 คะแนน)

    *ได้คะแนน 180+  ถือว่าสอบผ่าน

HSK4

1. จำนวนข้อสอบทั้งหมด 100 ข้อ 
   - การอ่าน   :  45 ข้อ 

   - การฟัง     :  40 ข้อ  

   - การเขียน  :  15 ข้อ  

2.  เวลาที่ใช้สอบ : 1 ชม. 45 นาที

3. คะแนนเต็ม : 300 คะแนน (แต่ละหัวข้อ คะแนนเต็ม 100 คะแนน)

    *ได้คะแนน 180+  ถือว่าสอบผ่าน

HSK5

1. จำนวนข้อสอบทั้งหมด 100 ข้อ 

   - การอ่าน   : 45 ข้อ

   - การฟัง     : 45 ข้อ

   - การเขียน  : 10 ข้อ

2. เวลาที่ใช้สอบ : 2 ชม. 5 นาที

3. คะแนนเต็ม : 300 คะแนน (แต่ละหัวข้อ คะแนนเต็ม 100 คะแนน)

    *ได้คะแนน 180+  ถือว่าสอบผ่าน

HSK6

1. จำนวนข้อสอบทั้งหมด 101 ข้อ 
   - การอ่าน   : 50 ข้อ

   - การฟัง     : 50 ข้อ

   - การเขียน  :  1 ข้อ

2. เวลาที่ใช้สอบ : 2 ชม. 20 นาที

3. คะแนนเต็ม : 300 คะแนน (แต่ละหัวข้อ คะแนนเต็ม 100 คะแนน)

    *ได้คะแนน 180+  ถือว่าสอบผ่าน

 

อายุคะแนนสอบ : 2 ปี นับจากวันที่สอบ

 

ศูนย์สอบ HSK :

1. มหาวิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมปักกิ่ง กรุงเทพฯ  

    ระดับที่เปิดสอบ : HSK1-6 (สอบกับกระดาษ)

                          HSK 4-5 (ออนไลน์ ที่บ้าน)

   (http://www.blcubangkok.com/blcuhsk1-6.php)

2. สถาบันขงจื๊อแห่งมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ สมุทรปราการ

   ระดับที่เปิดสอบ : HSK1-6 (สอบกับกระดาษ)

                        HSK 4-5 (ออนไลน์ ที่บ้าน)

   (http://www.ci.au.edu/th/)

3. ศูนย์สอบอื่นๆ : ได้ทาง https://www.beijing-chinese.com/blog/blog-post-3.html

 

ช่องทางการสมัครสอบ รอบการสอบ การสมัครและค่าใช้จ่ายในการสอบ

 1. www.chinesetest.cn/ (เลือกภาษาไทย)

 2. ศูนย์สอบ (ดูทางเว็บไซต์ของแต่ละศูนย์สอบได้เลย)

 

 

ทำไมต้องสอบ HSK

       1.  ใช้ประกอบเพื่อยื่นเข้าศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัย

           HSK เปรียบเสมือนใบเบิกทางสู่สายอาชีพในการทำงาน และการเรียนต่อมหาวิทยาลัย  

HSK เปรียบเสมือนการสอบ TOEFL IELTS ในวิชาภาษาอังกฤษ  มหาวิทยาลัยจะมีการพิจารณารับนิสิต/นักศึกษาเข้าศึกษาต่อโดยดูจากผลคะแนน TOEFL/ IETS score ซึ่งแต่ละมหาวิทยาลัย แต่ละคณะ สาขาจะมีเกณฑ์การรับสมัครหรือเกณฑ์การผ่านพิจารณาแตกต่างกันออกไป ในมหาลัย คณะ สาขาที่เป็นที่ยอดนิยม อาจจะมีเกณฑ์การพิจารณาสูง เช่นต้องใน IELTS score ตั้งแต่ 7.0 ขึ้นไป หรือ TOEFL ตั้งแต่ 90+ 

การยื่นผล HSK ประกอบการศึกษาต่อก็เช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น คณะ PBIC เอกจีนศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) เปิดรับสมัครนักศึกษาเข้าเรียนต่อระดับปริญญาตรี โดยนักเรียนสามารถใช้ผล HSK ยื่นประกอบแทนการสอบวัดระดับภาษาจีนกับทางมหาวิทยาลัยโดยตรงได้ ซึ่งจะต้องมีผลรับรองระดับ HSK4 (180 คะแนน +)  (อ้างอิงข้อมูล การรับสมัครบุคคลเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรี หลักสูตรศิลปศาสตร์บัณฑิต เอกจีนศึกษา ประจำปี พ.ศ.) 2566) : https://www.tuadmissions.in.th/img/2022092109150877.pdf)

         ในปัจจุบัน มีการรับสมัครเข้ามหาวิทยาลัย TCAS รอบ 1  (Portfolio) ซึ่งสามารถนำผล HSK ใส่ประกอบลงในพอร์ตเพิ่มไปได้ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับพอร์ต และเพิ่มโอกาสการสอบผ่านในรอบนี้ ไม่ต้องไปสอบรอบ 3 (admission)

         หรือ จะใช้ยื่นเพื่อเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย ประเทศจีน หรือขอทุนเรียนต่อก็ได้เช่นกัน ซึ่งในหลายมหาวิทยาลัยที่เปิดรับจะต้องใช้ HSK ในการยื่นสมัครเข้าเรียน อาทิเช่น ใช้ผล HSK4 สำหรับยื่นเข้าคณะแพทยศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ /ทุนการศึกษาสถาบันขงจื๊อได้ หรือ ใช้ผลสอบ HSK5 ยื่นเข้าคณะบริหารธุรกิจ บัญชีและการเงิน มหาวิทยาลัย Jinan  หรือในบางมหาวิทยาลัยที่ต้องให้มีการเรียนปรับพื้นฐานภาษาจีนก่อน นักเรียนก็สามารถยื่นผล HSK แทนได้ว่ามีความรู้ความสามารถพื้นฐาน ทำให้สามารถข้ามการเรียนปรับภาษาไปได้เลย โดยจะต้องใช้ HSK ระดับเท่าไร คะแนนเท่าใด แต่ละมหาวิทยาลัยก็จะมีเกณฑ์แตกต่างกันออกไป การมีผล HSK ถือเป็นข้อดี และช่วยประหยัดเวลาให้กับน้องๆ ได้มากนะคะ

 

          2. ใช้เบิกเส้นทางสู่การทำงานหลังเรียนจบ หรือ เพิ่มเงินเดือน

         ในประเทศไทย ปัจจุบันตลาดงานที่ต้องอาศัยภาษาจีนมีความเป็นที่ต้องการบุคลากรที่สามารถใช้ภาษาจีนได้ในการทำงานเป็นจำนวนมาก ในตำแหน่งต่าง ๆ ทำให้เป็นโอกาสกับนิสิต/นักศึกษาที่กำลังจะเรียนจบ  การที่สามารถใช้ภาษาจีนได้ และมีผล HSK ระดับสูง จะเป็นใบเบิกทางอย่างยิ่งสำหรับน้อง ๆ สู่สายอาชีพในฝัน  และยังสามารถใช้เพิ่มเงินเดือนจากค่าภาษาได้ด้วยหากมีผล HSK รับรองว่ามีทักษะความสามารในการใช้ภาษาจีนได้จริง หรือเชี่ยวชาญ

 

          3. ใช้เพื่อเพิ่มพูนทักษะทางภาษา

            การสอบ HSK แต่ละระดับ จะต้องใช้ความรู้ เช่นคำศัพท์จำนวนต่างๆ ซึ่งทำให้เราได้ฝึกฝน พัฒนาทักษะภาษาตนเองให้ดียิ่งขึ้น เช่น HSK4 จะต้องเรียนรู้คำศัพท์ประมาณ 1,200 คำ ซึ่งทำให้เราสามารถพูดคุยหัวข้อประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับภาษาจีนกับคนอื่นได้ หรือ HSK5 ต้องเรียนรู้คำศัพท์ทั่วไป 2,500 คำ ซึ่งจะทำให้เราอ่านหนังสือพิมพ์ นิตยสารภาษาจีน ดูทีวีหรือภาพยนตร์จีนได้

 

 

อ้างอิงข้อมูลจาก :

www.chinesetest.cn/

https://www.globish.co.th/blog/study-abroad/whatis-hsk

https://www.ecinspiration.com/article/hsk-benefits-perks/

http://www.blcubangkok.com/detailblcubangkok.php?qno=1

https://www.beijing-chinese.com/blog/blog-post-3.html

#เรียนพิเศษตัวต่อตัว, #ติวเตอร์, #สอนพิเศษตามบ้าน, #สอนพิเศษที่บ้าน, #เรียนพิเศษออนไลน์, #หาติวเตอร์, #รับสอนพิเศษออนไลน์, #สอนพิเศษตัวต่อตัว, #หาครู, #จุฬาติวเตอร์ออนไลน์, ติวเตอร์จุฬา, #จุฬาติวเตอร์ #เรียนพิเศษที่บ้าน #สอนพิเศษที่บ้าน #ติวHSK #เรียนภาษาญี่ปุ่น #รับสอนภาษาญี่ปุ่น #ติวเตอร์ตัวต่อตัว #หาติวเตอร์ออนไลน์ #สอนพิเศษออนไลน์ประถม #รับสอนพิเศษ #เรียนพิเศษออนไลน์ตัวต่อตัว #เรียน HSK #ศูนย์สอบHSK #HSKคืออะไร #เรียนภาษาจีน #สอนภาษาจีน #รับสอนภาษาจีน #เรียนจีน #ระดับHSK #สอนพิเศษ #เรียนพิเศษ #หาครูสอนพิเศษ #สอนพิเศษตามบ้านประถม

 


Recent Post

Copyright © 2017 All Rights Reserved.