HSK คือ อะไร ? มีความสำคัญอย่างไร
HSK ย่อมาจาก The Hanyu Shuiping Kaoshi คือ การวัดระดับความสามารถทางภาษาจีนสำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาจีนเป็นภาษาแรก จัดสอบโดยสำนักงานส่งเสริมการสอนภาษาจีนนานาชาติ (The office of Chinese Language Council International : HANBAN)
HSK มีกี่ระดับ
ระดับ HSK แบ่งออกเป็น HSK1 HSK2, HSK3 HSK4 HSK5 HSK6 และHSK7-9 (HSK1 ระดับต่ำสุด ยิ่งตัวเลขมากขึ้นคือระดับสูงขึ้น)
ระดับ |
ความสามารถในการใช้ภาษาจีน |
HSK1 |
สามารถเข้าใจและใช้คำประโยคภาษาจีนง่ายๆ ได้บางคำ ตอบสนองความต้องการด้านสารสื่อสารภาษาที่เฉพาะเจาะจง (รู้และเข้าใจคำศัพท์ประมาณ 150 คำ) |
HSK2 |
สื่อสารภาษาจีนในหัวข้อที่คุ้นเคยในชีวิตประจำวัน ด้วยวิธีง่ายๆ ตรงไปตรงมา เข้าใจภาษาจีนระดับประถมศึกษายอดเยี่ยม (รู้และเข้าใจคำศัพท์ประมาณ 300 คำ) |
HSK3 |
สามารถใช้และสื่อสารภาษาจีนขั้นพื้นฐานในชีวิต ในการทำงาน การเรียนได้ และสามารถใช้สื่อสารในการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศจีนได้ (รู้และเข้าใจคำศัพท์ประมาณ 600 คำ) |
HSK4 |
สามารถใช้ภาษาจีนพูดคุยหัวข้อต่างๆได้ในหัวข้อที่หลากหลาย และสามารถพูดสื่อสารกับคนจีนได้คล่องแคล่ว (รู้และเข้าใจคำศัพท์ประมาณ 1,200 คำ) |
HSK5 |
สามารถอ่านหนังสือพิมพ์ นิตยสารจีน ดูรายการทีวีและภาพยนตร์ได้ และกล่าวสุนทรพจน์จีนได้ค่อนข้างสมบูรณ์ (รู้และเข้าใจคำศัพท์ประมาณ 2,500 คำ) |
HSK6 |
เข้าใจภาษาจีนอย่างง่ายดาย สามารถใช้ภาษาพูดและภาษาเขียนในการแสดงความคิดเห็นได้อย่างคล่องแคล่ว (รู้และเข้าใจคำศัพท์ประมาณ 5,000 คำ) |
HSK7-9 |
สามารถเข้าใจภาษาจีนในเนื้อหาหรือหัวข้อ ประเภทต่างๆที่ซับซ้อน และสามารถสื่อสารเชิงลึกและอภิปรายได้ |
ลักษณะข้อสอบ HSK
ระดับ |
ลักษณะข้อสอบ |
HSK1 |
1. จำนวนข้อสอบ 40 ข้อ แบ่งเป็น - การอ่าน : 20 ข้อ - การฟัง : 20 ข้อ 2. เวลาที่ใช้สอบ : 40 นาที 3. คะแนนเต็ม : 200 คะแนน (แต่ละหัวข้อ คะแนนเต็ม 100 คะแนน) *ได้คะแนน120+ ถือว่าสอบผ่าน |
HSK2 |
1. จำนวนข้อสอบทั้งหมด 60 ข้อ - การฟัง : 25 ข้อ 2. เวลาที่ใช้สอบ : 55 นาที 3. คะแนนเต็ม : 200 คะแนน (แต่ละหัวข้อ คะแนนเต็ม 100 คะแนน) *ได้คะแนน120+ ถือว่าสอบผ่าน |
HSK3 |
1. จำนวนข้อสอบทั้งหมด 80 ข้อ - การฟัง : 30 ข้อ - การเขียน : 10 ข้อ 2. เวลาที่ใช้สอบ : 1 ชม. 30 นาที 3. คะแนนเต็ม : 300 คะแนน (แต่ละหัวข้อ คะแนนเต็ม 100 คะแนน) *ได้คะแนน 180+ ถือว่าสอบผ่าน |
HSK4 |
1. จำนวนข้อสอบทั้งหมด 100 ข้อ - การฟัง : 40 ข้อ - การเขียน : 15 ข้อ 2. เวลาที่ใช้สอบ : 1 ชม. 45 นาที 3. คะแนนเต็ม : 300 คะแนน (แต่ละหัวข้อ คะแนนเต็ม 100 คะแนน) *ได้คะแนน 180+ ถือว่าสอบผ่าน |
HSK5 |
1. จำนวนข้อสอบทั้งหมด 100 ข้อ - การอ่าน : 45 ข้อ - การฟัง : 45 ข้อ - การเขียน : 10 ข้อ 2. เวลาที่ใช้สอบ : 2 ชม. 5 นาที 3. คะแนนเต็ม : 300 คะแนน (แต่ละหัวข้อ คะแนนเต็ม 100 คะแนน) *ได้คะแนน 180+ ถือว่าสอบผ่าน |
HSK6 |
1. จำนวนข้อสอบทั้งหมด 101 ข้อ - การฟัง : 50 ข้อ - การเขียน : 1 ข้อ 2. เวลาที่ใช้สอบ : 2 ชม. 20 นาที 3. คะแนนเต็ม : 300 คะแนน (แต่ละหัวข้อ คะแนนเต็ม 100 คะแนน) *ได้คะแนน 180+ ถือว่าสอบผ่าน |
อายุคะแนนสอบ : 2 ปี นับจากวันที่สอบ
ศูนย์สอบ HSK :
1. มหาวิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมปักกิ่ง กรุงเทพฯ
ระดับที่เปิดสอบ : HSK1-6 (สอบกับกระดาษ)
HSK 4-5 (ออนไลน์ ที่บ้าน)
(http://www.blcubangkok.com/blcuhsk1-6.php)
2. สถาบันขงจื๊อแห่งมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ สมุทรปราการ
ระดับที่เปิดสอบ : HSK1-6 (สอบกับกระดาษ)
HSK 4-5 (ออนไลน์ ที่บ้าน)
3. ศูนย์สอบอื่นๆ : ได้ทาง https://www.beijing-chinese.com/blog/blog-post-3.html
ช่องทางการสมัครสอบ รอบการสอบ การสมัครและค่าใช้จ่ายในการสอบ
1. www.chinesetest.cn/ (เลือกภาษาไทย)
2. ศูนย์สอบ (ดูทางเว็บไซต์ของแต่ละศูนย์สอบได้เลย)
ทำไมต้องสอบ HSK
1. ใช้ประกอบเพื่อยื่นเข้าศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัย
HSK เปรียบเสมือนใบเบิกทางสู่สายอาชีพในการทำงาน และการเรียนต่อมหาวิทยาลัย
HSK เปรียบเสมือนการสอบ TOEFL IELTS ในวิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยจะมีการพิจารณารับนิสิต/นักศึกษาเข้าศึกษาต่อโดยดูจากผลคะแนน TOEFL/ IETS score ซึ่งแต่ละมหาวิทยาลัย แต่ละคณะ สาขาจะมีเกณฑ์การรับสมัครหรือเกณฑ์การผ่านพิจารณาแตกต่างกันออกไป ในมหาลัย คณะ สาขาที่เป็นที่ยอดนิยม อาจจะมีเกณฑ์การพิจารณาสูง เช่นต้องใน IELTS score ตั้งแต่ 7.0 ขึ้นไป หรือ TOEFL ตั้งแต่ 90+
การยื่นผล HSK ประกอบการศึกษาต่อก็เช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น คณะ PBIC เอกจีนศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) เปิดรับสมัครนักศึกษาเข้าเรียนต่อระดับปริญญาตรี โดยนักเรียนสามารถใช้ผล HSK ยื่นประกอบแทนการสอบวัดระดับภาษาจีนกับทางมหาวิทยาลัยโดยตรงได้ ซึ่งจะต้องมีผลรับรองระดับ HSK4 (180 คะแนน +) (อ้างอิงข้อมูล การรับสมัครบุคคลเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรี หลักสูตรศิลปศาสตร์บัณฑิต เอกจีนศึกษา ประจำปี พ.ศ.) 2566) : https://www.tuadmissions.in.th/img/2022092109150877.pdf)
ในปัจจุบัน มีการรับสมัครเข้ามหาวิทยาลัย TCAS รอบ 1 (Portfolio) ซึ่งสามารถนำผล HSK ใส่ประกอบลงในพอร์ตเพิ่มไปได้ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับพอร์ต และเพิ่มโอกาสการสอบผ่านในรอบนี้ ไม่ต้องไปสอบรอบ 3 (admission)
หรือ จะใช้ยื่นเพื่อเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย ประเทศจีน หรือขอทุนเรียนต่อก็ได้เช่นกัน ซึ่งในหลายมหาวิทยาลัยที่เปิดรับจะต้องใช้ HSK ในการยื่นสมัครเข้าเรียน อาทิเช่น ใช้ผล HSK4 สำหรับยื่นเข้าคณะแพทยศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ /ทุนการศึกษาสถาบันขงจื๊อได้ หรือ ใช้ผลสอบ HSK5 ยื่นเข้าคณะบริหารธุรกิจ บัญชีและการเงิน มหาวิทยาลัย Jinan หรือในบางมหาวิทยาลัยที่ต้องให้มีการเรียนปรับพื้นฐานภาษาจีนก่อน นักเรียนก็สามารถยื่นผล HSK แทนได้ว่ามีความรู้ความสามารถพื้นฐาน ทำให้สามารถข้ามการเรียนปรับภาษาไปได้เลย โดยจะต้องใช้ HSK ระดับเท่าไร คะแนนเท่าใด แต่ละมหาวิทยาลัยก็จะมีเกณฑ์แตกต่างกันออกไป การมีผล HSK ถือเป็นข้อดี และช่วยประหยัดเวลาให้กับน้องๆ ได้มากนะคะ
2. ใช้เบิกเส้นทางสู่การทำงานหลังเรียนจบ หรือ เพิ่มเงินเดือน
ในประเทศไทย ปัจจุบันตลาดงานที่ต้องอาศัยภาษาจีนมีความเป็นที่ต้องการบุคลากรที่สามารถใช้ภาษาจีนได้ในการทำงานเป็นจำนวนมาก ในตำแหน่งต่าง ๆ ทำให้เป็นโอกาสกับนิสิต/นักศึกษาที่กำลังจะเรียนจบ การที่สามารถใช้ภาษาจีนได้ และมีผล HSK ระดับสูง จะเป็นใบเบิกทางอย่างยิ่งสำหรับน้อง ๆ สู่สายอาชีพในฝัน และยังสามารถใช้เพิ่มเงินเดือนจากค่าภาษาได้ด้วยหากมีผล HSK รับรองว่ามีทักษะความสามารในการใช้ภาษาจีนได้จริง หรือเชี่ยวชาญ
3. ใช้เพื่อเพิ่มพูนทักษะทางภาษา
การสอบ HSK แต่ละระดับ จะต้องใช้ความรู้ เช่นคำศัพท์จำนวนต่างๆ ซึ่งทำให้เราได้ฝึกฝน พัฒนาทักษะภาษาตนเองให้ดียิ่งขึ้น เช่น HSK4 จะต้องเรียนรู้คำศัพท์ประมาณ 1,200 คำ ซึ่งทำให้เราสามารถพูดคุยหัวข้อประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับภาษาจีนกับคนอื่นได้ หรือ HSK5 ต้องเรียนรู้คำศัพท์ทั่วไป 2,500 คำ ซึ่งจะทำให้เราอ่านหนังสือพิมพ์ นิตยสารภาษาจีน ดูทีวีหรือภาพยนตร์จีนได้
อ้างอิงข้อมูลจาก :
https://www.globish.co.th/blog/study-abroad/whatis-hsk
https://www.ecinspiration.com/article/hsk-benefits-perks/
http://www.blcubangkok.com/detailblcubangkok.php?qno=1
https://www.beijing-chinese.com/blog/blog-post-3.html
#เรียนพิเศษตัวต่อตัว, #ติวเตอร์, #สอนพิเศษตามบ้าน, #สอนพิเศษที่บ้าน, #เรียนพิเศษออนไลน์, #หาติวเตอร์, #รับสอนพิเศษออนไลน์, #สอนพิเศษตัวต่อตัว, #หาครู, #จุฬาติวเตอร์ออนไลน์, ติวเตอร์จุฬา, #จุฬาติวเตอร์ #เรียนพิเศษที่บ้าน #สอนพิเศษที่บ้าน #ติวHSK #เรียนภาษาญี่ปุ่น #รับสอนภาษาญี่ปุ่น #ติวเตอร์ตัวต่อตัว #หาติวเตอร์ออนไลน์ #สอนพิเศษออนไลน์ประถม #รับสอนพิเศษ #เรียนพิเศษออนไลน์ตัวต่อตัว #เรียน HSK #ศูนย์สอบHSK #HSKคืออะไร #เรียนภาษาจีน #สอนภาษาจีน #รับสอนภาษาจีน #เรียนจีน #ระดับHSK #สอนพิเศษ #เรียนพิเศษ #หาครูสอนพิเศษ #สอนพิเศษตามบ้านประถม